LiverpoolUK

กระทบไหล่นักเตะ ผู้จัดการทีม ณ Melwood Training Ground

หลังจากพาไปสัมผัสบรรยากาศแอนฟิลด์กันแล้ว ครั้งนี้จะขอเขียนถึงการเดินทางไปพบนักเตะ เพื่อขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น ที่สนามซ้อมเมลวู้ด (Melwood Training Ground) นะครับ ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลย !

ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณพี่ PRAPOJS LFC เป็นอย่างสูงครับสำหรับข้อมูล เวลาซ้อมนักเตะ และอื่นๆ Video ใน Youtube ของพี่เขา เป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากไปสัมผัสประสบการณ์นี้บ้าง

สนามซ้อม Melwood ตั้งอยู่บนถนน Melwood Drive ย่าน West Derby ชานเมืองลิเวอร์พูล ค่อนข้างไกลจากตัว City Centre พอสมควร เราสามารถเดินทางไปสนามซ้อมแห่งนี้ได้สองวิธีนั่นคือรถบัสและแท็กซี่นะครับ สำหรับรสบัส นั่งสายที่ 12 หรือ 13 จากในตัวเมือง ขึ้นที่ Queen Square Bus Station Stand ที่ 6 ท่ารถอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Lime Street เดินประมาณ 200 เมตรถึงครับ

12-2

เดินไปหน่อยก็จะเห็น Stand ที่ 6 อยู่ทางขวา

12-3

พอขึ้นรถบอกคนขับว่าจะไป Melwood Training Ground ถ้าถึงป้ายที่จะลงแล้วเขาจะจอดให้เราครับ ไม่หลงแน่นอน

12-4

ป้ายสีเหลืองทางซ้าย เราลงตรงนี้ครับ ด้านขวามือจะเห็นว่ามีกำแพงสีเทาๆล้อมรอบ นี่แหละครับสนามซ้อม Melwood Training Ground จุดหมายของเรา

จากรูปจะเห็นว่าไม่มีประตูทางเข้าครับ ประตูทางเข้าจะอยู่อีกทิศนึง ต้องเดินอ้อมรั้วนี้ไป โดยเลี้ยวขวาเข้าถนนที่รถสีแดงขับออกมา

แต่ไหนๆมาถึงฝั่งด้านหลังของสนามซ้อม เรามาโฉบดูกันหน่อยว่าข้างในเป็นอย่างไรกันบ้าง

12-5

ด้วยความที่แฟนบอลเจ้าถิ่นมาแอบดูอยู่บ่อยๆ เลยไปทำช่องเอาไว้ระหว่างกำแพง เราสามารถเห็นความเคลื่อนไหวข้างในได้ไกลๆ เมื่อมองลอดรั้วเข้าไป จะเห็นตัวอาคารและสนามซ้อมชัดเจน แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า ระหว่างการซ้อม สโมสรไม่อนุญาตให้เราถ่ายภาพหรือวีดีโอจากด้านนอกเข้าไปในสนามครับ ผิดกฏแบบเต็มๆ แต่ถ้าในสนามซ้อมไม่มีคน สักแชะสองแชะคงไม่เป็นไร

สำหรับข้อมูลเรื่องตารางการซ้อม ขออ้างอิงจากข้อความพี่ PRAPOJS LFC นะครับ (พี่เขาไปสนามซ้อมมาหลายครั้งมากๆ)

“ปกตินักเตะจะมาสนามเมลวู้ดทุกวันครับ (อาจจะยกเว้นวันต่อมาหลังจากแข่งเสร็จ) จะมีการซ้อมช่วงเช้ากับบ่าย ดังนั้นนักเตะจะมาสนามซ้อมแต่เช้าเลยตั้งแต่ 7-8 โมง ตอนเช้านักเตะจะชอบขับรถเข้าไปเลย แต่บางคนก็ได้ลายเซ็นต์ช่วงเช้าก็มีนะ ขณะที่ช่วงบ่ายนักเตะจะเลิกซ้อมประมาณ 3 โมง ตั้งแต่บ่าย 3 โมง นักเตะจะเริ่มทยอยขับรถออกมากันครับ เริ่มจากพวกสำรองก่อนนะ นักเตะดังๆจะกลับกันเย็นหน่อย 4 โมงเป็นต้นไป แต่ก็มีบางครั้ง อย่างเรน่า จะกลับตั้งแต่บ่าย 3 โมงครึ่งก็มี แล้วแต่วันน่ะครับ พี่เคยไปตั้งแต่บ่ายสองโมง เห็นแฟนบอลเริ่มมายืนออกันที่ประตูทางออกเมลวู้ดกันแล้ว แนะนำว่า ถ้าวันไหนเห็นแฟนบอลมารอน้อย จะมีโอกาสได้ลายเซ็นต์นักเตะมากกว่าวันที่มีคนมาเยอะนะ (เจ้าหน้าที่สนามบอกพี่มา ไปทุกวันจนคุ้นเคยกันเลยน่ะครับ แล้วก็เป็นจริงซะด้วยน่ะ วันที่แฟนบอลมาน้อยคือวันที่พี่ได้ลายเซ็นต์เยอะที่สุด) ที่ได้ลายเซ็นต์แน่ๆก็มี เรน่า ลูคัส คูตินโญ่ พี่ไปทุกครั้งเห็นแจกรายเซ็นต์ทุกครั้งเลยน่ะครับ ส่วนคนอื่นๆแล้วแต่ดวงนะ บางทีเค้าเหนื่อยอยากกัลบบ้านก็แค่โบกมือให้แฟนบอลแล้วรีบบึ่งรถออกไปเลยน่ะครับ ถ้าคนน้อยแล้ว ลองถามเจ้าหน้าที่หน้าประตู(ใจดีแทบทุกคนครับ)ดูก็ได้นะครับว่า นักเตะคนที่เรารอ กลับไปหรือยัง เค้าจะบอกเราเองน่ะครับ แต่ที่ยากที่จะได้ลายเซ็นต์ก็คือ เจอร์ราร์ดนะ เห็นบอกว่ามีคนเอารูปพร้อมลายเซ้นต์ไปขายต่อ เจอร์ราร์ดเลยไม่อยากจะให้ลายเซ้นต์แล้วน่ะครับ แล้วอีตาซัวเรสก็จะเป็นคนออกจากสนามช้าที่สุด เคยรอถึงหกโมงเย็นยังไม่ออกมาเลย รอดเจอร์สพี่เจอแบบพลุ๊คๆน่ะ เค้ากลับเข้ามาที่เมลวู๊ดเลยโชคดีได้เจอ แถมลงมาถ่ายรูปแจกลายเซ็นต์ให้ด้วย น่ารักมากๆ ลองไปดูนะครับ รับรองได้ลายเซ็นต์แน่ๆ ถ้ามีเพื่อนก็ให้เพื่อนถ่ายรูปให้ก็จะดี ถ้าไปคนเดียวแบบพี่ คงต้องหาคนใจดีถ่ายให้น่ะครับ ถ้าเจอพวกเด็กๆ อย่าหวังเลย มันถ่ายมั่วๆน่ะครับ ตั๋วดูบอล พี่สมัครสมาชิกของสโมสร เลยได้เลือกที่นั่งสบายๆ ไปดูคนเดียว จะมีที่นั่งดีๆเหลือให้เลือกตลอดน่ะครับ”

กลับเข้าสู่เรื่องของเราครับ หลังจากเลี้ยวขวาเข้ามาแล้ว ก็เดินเลียบถนน Crown Rd (ในภาพ) มาจนสุด จากนั้นเลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนน Deysbrook Ln ตรงไปเรื่อยๆก็จะถึงประตูทางเข้าด้านหน้า

12-6

 บรรยากาศด้านหน้าสนามซ้อม แฟนบอลทั้งขาจรและขาประจำมารอกันเยอะพอสมควรครับ

12-1

 ยามด้านหน้าสนาม คอยดูแลความสงบเรียบร้อย

12-7

ป้ายโลโก้ลิเวอร์พูลบนผนัง

12-8

ลืมบอกนิดครับว่า ตอนนั้นผมไปแวะที่ Melwood หนึ่งวันก่อนแข่งกับนอริช กะว่าไปรอนักเตะตอนบ่ายๆ ถึงที่โน่นสักบ่ายสองได้ คิดว่านักเตะคงยังไม่ออกมากัน ที่ไหนได้นักเตะตัวหลักหลายคนออกจากสนามซ้อมเร็วมากครับ เจอร์ราร์ด ซัวเรส มิโญเล่ต์ แอกเกอร์ สเคอร์เทล คูตินโญ่ ฯลฯ เลยได้เจอแค่บางคนเท่านั้น นักเตะจะขับรถออกมาที่หน้าประตู ให้สัญญาณมือกับยามว่าจะเจอแฟนบอลหรือไม่ ถ้ายกนิ้วโป้งเป็นที่รู้กันว่าจะไม่มีการให้ลายเซ็นหรือถ่ายรูปกับแฟนบอลครับ จากนั้นยามก็จะเคลียร์ฝูงชนตรงประตูให้รถของนักเตะออกไปได้ แต่ถ้าไม่มีสัญญาณมือจากนักเตะ พอถึงหน้าประตู นักเตะจะหยุดรถรอให้แฟนบอลเข้ามาขอลายเซ็นพร้อมกับถ่ายรูปได้เต็มที่

 

โคโล่ ตูเร่ อัธยาศัยดีมากๆ หยุดรอแจกลายเซ็น+ถ่ายรูปกับแฟนบอลจนครบทุกคนเลยครับ

12-9

แบรด โจนส์ อีกคนที่ให้เวลากับแฟนบอลอย่างเต็มที่

12-10

จอห๋น ฟลานาแกน สงสัยรีบกลับบ้านไปนอน แฟนบอลเลยอดครับ

12-11

เช่นเดียวกับเซบาสเตียน โคอาเตส

12-13

ด็อกเตอร์ประจำทีม (ในใจคงคิดว่าทำไมไม่มีคนมาขอลายเซ็น+ถ่ายรูปกับแกมั่ง)

12-12

จอร์แดน เฮนเดอร์สันขับรถออกมาแล้ว

12-16

โบกมือให้แฟนๆก่อนขับรถออกไป

12-17

จะเห็นว่านักฟุตบอลมีรถราคาแพงๆขับกันทั้งนั้นเลยครับ คันนี้ของเกล็น จอห์นสัน

12-14เป็นอีกคนที่ไม่ได้ให้ลายเซ็นแฟนบอล

12-15

 

เวลาล่วงเลยมาถึง 5 โมงเย็น แฟนบอลหลายคนเริ่มกลับไปเยอะแล้ว เหลือไม่ถึง 5 คน ด้วยความหวังที่ว่านักเตะบิ๊กเนมยังคงอยู่ในสนามซ้อม รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่ยังออกมาสักที จนต้องเดินไปถามยาม ยามบอกว่าข้างในยังมีอีกหลายคนนะ แต่เจอร์ราร์ด ซัวเรสกลับไปแล้ว เราก็เลยอยู่รอต่อไป

แฟนบอลคนจีนทำป้ายผ้า มาติดบริเวณฝั่งตรงข้ามของประตู แฟนบอลทั่วโลกจริงๆหงส์แดง

12-19

แฟนตัวยงของสเตอร์ริดจ์ อุตส่าห์ทำป้ายผ้าให้โดยเฉพาะ พอยามบอกว่ารถคนนี้ของหริด คนจีนคนนี้เลยรู้สึกตื่นเต้นมากๆ รีบควักออกมากางแทบไม่ทัน

12-20

 

ยามบอกให้มาอีกฝั่ง เพราะหริดนั่งอยู่ตรงนั้นพอดี เนื่องจากตอนนั้นหริดประสบปัญหาอาการบาดเจ็บ เดินไม่ได้ต้องใช้ไม่ค้ำยัน เลยให้เพื่อนขับรถแทน หริดไขกระจกออกมาทักทายแฟนบอล

คนจีน – ยื่นป้ายผ้าให้เซ็น

หริด – ถาม “คุณไปเอามาจากไหน?”

คนจีน – ดูอ้ำอึ้งๆ เพราะพูดอังกฤษไม่ค่อยได้ เลยชี้ที่ป้ายผ้าแล้วชี้มือไปที่ตัวเอง

ผม – เนื่องจากสื่อสารกับหริดได้ดีกว่าเลย บอกไปว่า “ป้ายผ้า คนจีนคนนี้ทำเองให้สำหรับคุณโดยเฉพาะ เขาชอบคุณมาก”

หริด – ยิ้มพร้อมกล่าวคำขอบคุณ

พอผมกับเขาและแฟนบอลคนอื่นๆถ่ายรูปขอลายเซ็นกันเสร็จเรียบร้อย หริดก็โบกมือลา เพื่อเดินทางกลับ

12-21

ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขสำหรับผมและแฟนบอลคนนั้นจริงๆ (ข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล ได้เจอตัวเป็นๆ ดีใจมาก)

แม้ว่าจะพลาดได้ลายเซ็นนักเตะดังๆไปหลายคน แต่ผมก็ยังคงอยู่รอจนมืดค่ำ เพื่อที่จะรอพบกับเบรนแดน รอดเจอร์ส ผู้จัดการทีม หัวเรือใหญ่ของลิเวอร์พูล หลังจากรออยู่นานมากๆ ในที่สุดผมก็ได้เจอรอดเจอร์สจนได้ครับ ขับรถออกมาจอดตรงประตูทางออก ตัวจริงนั้นเฟรนด์ลี่กับแฟนบอลมากๆ ไม่ถือตัวเลยสักนิดเดียว รู้สึกยินดีมากๆที่ได้เขามาเป็นผู้จัดการทีมที่นี่ เนื่องจากเหลือแฟนบอลอยู่ตรงนั้นไม่มากแล้ว เลยได้พูดคุยกันพักนึง เขาถามผมด้วยว่ามาจากที่ไหน ผมตอบเขาไปว่าประเทศไทย เขาก็ยิ้มและพยักหน้า (ลิเวอร์พูลเคยมาทัวร์ปรีซีซั่นที่ไทยเมื่อปีที่แล้ว เดอะค็อปชาวไทยให้การต้อนรับที่อบอุ่นมากๆแก่สโมสร ผมเลยไม่แปลกใจที่รอดเจอร์สจะจำได้)

ลายเซ็นที่ผมได้จากนักฟุตบอล+ผู้จัดการทีม

12-22

ถ่ายภาพเป็นที่ระทึก เอ๊ย ระลึก

12-23

 

รูปจากแฟนบอลคนอื่นที่ไปถ่ายรูป ผมไปดึงมาจากอินสตาแกรม โดยมากก็จะเป็นรูปแบบนี้ครับ

12-24

12-2612-2512-27

 

 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ณ ตอนนั้นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว รอดเจอร์สออกมาเป็นคนสุดท้าย ผมเลยตัดสินใจเดินทางกลับดีกว่า ตอนนั้นคนจีนที่อยู่ด้วยกัน เขาบอกว่ากลับแท็กซี่สะดวกดี ไม่ต้องเดินไปขึ้นบัสไกล พอเห็นแท็กซี่ขับผ่านก็โบกเรียก นั่งรถเข้าเมืองกัน พอตอนจ่ายเงิน ผมบอกเขาว่าขอหารค่ารถนะ เขาบอกไม่ต้องๆ จะไม่เอาเงินลูกเดียว เขาบอกว่าเขาทำงานแล้ว เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไร (วันนั้นเขาขอให้ผมช่วยถ่ายรูปให้เขาไปหลายรูปเลย ตอนอยู่ที่สนามซ้อม แล้วฝากส่งรูปทางเมล์ให้ด้วย เขาเหมือนรู้สึกเป็นบุญคุณกัน) … พอวันรุ่งขึ้นผมก็เจอเขาอีกครั้งที่หน้าแอนฟิลด์ด้วยครับ โลกกลมอีกแล้ว 555

และแล้วก็เสร็จสิ้นอีกภารกิจที่ Melwood Training Ground ครับ เป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ การได้เจอผู้คนจากหลายๆที่ ที่มีจุดหมายเดียวกันนั่นคือการได้พบนักเตะที่ตัวเองชื่นชอบ ได้ใช้เวลาตรงนั้นร่วมกัน แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็มีความหมายมากๆสำหรับใครหลายๆคนรวมถึงผมด้วยหากใครที่มีโอกาสได้แวะมาเที่ยวเมืองลิเวอร์พูล จริงๆเมืองลิเวอร์พูลเป็นเมืองที่น่าเที่ยวและค่อนข้างน่าอยู่มากครับ ตึกรามบ้านช่องดูเป็นระเบียบ ผู้คนไม่เยอะวุ่นวายจนเกินไป สถานที่สำคัญสวยมากๆ โดยเฉพาะแถว Albert Dock บรรยากาศดีอย่าบอกใคร อยู่ติดแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ ส่วนใครที่ชอบช็อปปิ้ง ต้องไป Liverpool ONE ครับ เป็นโซนช็อปปิ้งที่ใหญ่มากๆอีกแห่งในอังกฤษ น่าเดินเล่นเป็นที่สุดสุดท้าย ผมอยากจะฝากไว้สิ่งนึงกับทุกคนๆที่ชื่นชอบฟุตบอลว่า… “บอลลูกกลมๆ มีแพ้ มีชนะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ น้ำใจนักกีฬา”แล้วเชียร์ฟุตบอลให้สนุกนะครับ

– จบบริบูรณ์ –

Comments

comments

Share

Panupong Yokyongsakul

The Tourist Diary เกิดขึ้นจากความรักและความหลงใหลในเสน่ห์ของการเดินทาง-ท่องเที่ยวของผมและครอบครัว โดยมีจุดประสงค์เพื่อการบอกเล่าและแบ่งปันข้อมูล ประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยว ผ่านตัวอักษรและภาพถ่าย ในมุมมอง ความรู้สึก จากสายตาและหัวใจ ของนักเดินทางธรรมดาๆคนหนึ่ง ให้แก่เพื่อนเดินทางที่มีความต้องการในการเติมเต็มความฝันของชีวิตด้วยการท่องโลกใบนี้