รีวิวจัดเต็ม คุนหมิง ลี่เจียง แชงกรีล่า : [Part 3.1 – แชงกรีล่า … เส้นขอบฟ้าที่จางหาย]
รีวิวจัดเต็ม คุนหมิง ลี่เจียง แชงกรีล่า : [Part 3.1 – แชงกรีล่า ตามหาเส้นขอบฟ้าที่หายไป]
แชงกรีล่า เป็นดินแดนสมมุติที่ปรากฏในนวนิยายเรื่อง Lost Horizon ของเจมส์ ฮิลตัน นักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งเขาพรรณนาว่าแชงกรีลาเป็นดินแดนลึกลับอยู่ในเทือกเขาสูงชันทอดยาว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขาคุนลุน ในนวนิยายกล่าวว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนมีชีวิตยืนยาว มีความสุข อาจกล่าวได้ว่าสถานที่นี้เปรียบเหมือนสวรรค์บนดิน
ตอนที่แล้ว Part 2.2 – ภูเขาหิมะมังกรหยก & ไป่สุยเหอ ที่สุดแห่งความงามทางธรรมชาติ
Day 5 : Lijiang – Shangri-La
เริ่มต้นวันที่ 5 วันนี้เราต้องเดินทางไป แชงกรีล่า ได้เวลาบอกลาที่พักกันแล้ว
เนื่องจากเขตเมืองเก่านั้นไม่ให้รถเข้าแล่นเข้ามา เวลาจะเรียก Taxi ต้องเดินไปที่ถนนใหญ่ (เหมือนกับขามาเลย)
ที่เห็นลากกระเป๋านั้นผมเองครับ 555 ต้องขอบคุณน้องกอล์ฟถ่ายรูปเก็บไว้ตลอดทาง
อยากบอกว่ากระเป๋าเดินทางล้อเริ่มเดี้ยงแล้ว เพราะทางเดินในเมืองลี่เจียงขรุขระจริงๆ ถ้ามาแนะนำเป็นกระเป๋าแบ็คแพ็คครับ จะดีมากๆ
เรียก Taxi ไปสถานีรถขนส่งซึ่งอยู่ทางใต้ของเมือง นั่งไปประมาณ 15-20 นาที
ถึงแล้ว สถานีขนส่งลี่เจียง หน้าตาคล้ายๆ บขส บ้านเราเลย
มีสแกนกระเป๋าเป็นพิธีตรงทางเข้า
ข้างในสะอาด โอ่โถงดี เราไปซื้อตั๋วกัน รถทัวร์ไปแชงกรีล่า ราคา 75 หยวน รอบเวลา 12:20 น. จ่ายตังค์แล้วเขาจะล็อคที่นั่งเราให้ทันที ที่นี่พนักงานขายตั๋วพูดภาษาอังกฤษได้ครับ สบายหายห่วง
ถ้าเราพูดแชงกรีล่า คนจีนอาจจะงงๆ เพราะแชงกรีล่า ภาษาจีน อ่านออกเสียงว่า เซี่ยง เกอ หลี่ ล่า (Xianggelila) ในอดีตเรียกว่า จงเตี้ยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแชงกรีล่าที่เราคุ้นหูในปัจจุบัน
มีเวลาเหลือเฟือก่อนรถออก ไปหาอะไรกินรองท้องกันก่อน
ที่ร้านมีภาษาอังกฤษให้อ่าน + มีรูปติดอยู่บนบอร์ดติดฝาผนัง เอานิ้วชี้สั่งได้เลย เป็นความโชคดีของเรา
สั่งข้าวราดหน้าเนื้อผัดแบบจีนๆ รสชาติเผ็ดนิดๆ อร่อยดีครับ
อันนี้หน้าตาของตั๋วขึ้นรถ ไม่รู้ว่าเขาล็อคที่นั่งให้แล้ว ไปนั่งที่คนอื่นเฉย เด๋อมากจ้าา 555+
เอาของเก็บใต้ท้องรถ สภาพรถถือว่าไม่เลวเลยครับ ดีกว่าที่มโนไว้เยอะเลย แถมเราได้นั่งหน้าสุดด้วย
ระยะเวลาเดินทางจากลี่เจียงไปแชงกรีล่าใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง (เรียกว่านั่งกันให้เมื่อยไปข้างนึง)
วิ่งไป 1 ชั่วโมง มีแวะพักเข้าห้องน้ำ / หาอะไรกินได้ จากนั้นก็ยิงยาวรวดเดียวไปแชงกรีล่า
ทางไปแชงกรีล่าเป็นถนนเลนเดียว วิ่งเลียบหุบเขาไป วิวสวยมาก ขาไปแนะนำให้นั่งฝั่งขวา ถ่ายรูปได้
ตอนนั้นฝนเริ่มตกลงมาแรง มีช่วงนึงรถติดนานมาก ขยับไปไหนไม่ได้ คนบนรถก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นหว่า คนขับก็ลงไปดู สรุป เราเจอดินถล่มระหว่างทางครับ บล็อกทางทำให้การจราจรติดขัดมาก ทางสวนได้เลนเดียว แซงยาก ต้องรอสักพักให้มีคนมาเคลียร์พื้นที่ กว่าจะเรียบร้อยก็เสียเวลาไปชั่วโมงครึ่ง
ระหว่างที่รถวิ่งอยู่ ตอนรถติด คนจีนก็ชอบลักไก่ วิ่งมาสองเลน + เจอคนยืนขวางถนนอีก โอย สารพัดรูปแบบ คนขับกับคนในรถก็ด่าไปขำไปด้วย
งานนี้ต้องขอซูฮกคนขับจากใจจริง ขับเก่งมาก และพาเรามาถึงแชงกรีล่าจนได้ + ต้องขอบคุณผู้โดยสารในรถนั่งกันเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ไม่สูบบุหรี่ ไม่คุยเสียงดัง
อยู่รอดปลอดภัยดีที่ แชงกรีล่า
พอก้าวออกจากสถานีขนส่ง ก็เจอแฟนคลับมาต้อนรับถึงที่ ไม่ใช่ใครที่ไหน คนขายทัวร์/คนขับนั่นเอง ยืนกับเพียบเบย แอบน่ากลัว มาเสนอรถ Taxi พร้อมยัดนามบัตรมาให้ในมือ คือแบบโคตรจะฮาร์ดเซล ถามเขาว่าไปโรงแรมที่เราพักคิดเท่าไร เขาตอบว่า “50 หยวนน้อง” บร๊ะ!! แพงไปป่าววะ นี่ขนาดอยู่ในเมือง ไม่ไกลจากที่พักแล้ว (ในใจคิดว่าเต็มที่ยังไงก็ไม่เกิน 20 หยวน) พอเห็นเราไม่สนใจ เท่านั้นแหละ พี่แกรีบคว้านามบัตรจากมือผมไปทันที … ผมนี่อึ้งไปเลย
(ที่พักเราชื่อ Shangri-La 3 are 3 Resortel ครับ อยู่ใจกลางเมืองเก่าแชงกรีล่าพอดี ไม่ไกลจากวัดต้าฝอ)
รอคันแล้วคันเล่าก็ไม่ยอมไป ขนาดเราพรินท์ใบจองที่พักไปให้ดูแล้ว แต่หลายคันก็เซย์โนกลับมาจนเราเริ่มถอดใจ (คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าสถานีคงนึกขำ ไอกะเหรี่ยงสองคนนี้ไม่มีรถไปแน่ หึหึ) จนสักพักก็มีรถคันนึงผ่านมา เรายื่นใบจองโรงแรมไปให้ เขาหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โรงแรมเว้ยเห้ย มาว่ะคนนี้ โชคเริ่มเข้าข้างเราแล้ว อาเฮียคนนี้คุยกับคนที่โรงแรมสักพัก พยักหน้าหงึกๆ ก่อนวางสาย บอกไปส่งเราให้ได้ คิดแค่ 20 หยวนเท่านั้นเอง (ตรงกับที่เรากะไว้พอดี) >>> นี่แหละลูกผู้ชายตัวจริง
ตั้งแต่มาจีน การเรียกรถไปที่พักนี่ทำเอาเราเหนื่อยมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกดีครับ
นั่งมาสัก 15 นาทีก็ถึงที่พักแล้วครับ Shangri-La 3 are 3 Resortel
ล็อบบี้สไตล์จีนๆ
มาถึงที่พัก เจออาเฮียคนนี้ยืนรอเราอยู่แล้ว เฮียคนนี้พูดภาษาอังกฤษคล่องมาก เจอคนที่คุยกันรู้เรื่องแล้ว
ก่อนไปที่ห้อง ก็ไม่ลืมที่จะถามรหัสผ่าน Wi-Fi ปัจจัย 5 ในการดำรงชีวิตในสมัยนี้
เฮียแกบอกว่ารหัสไวไฟคือ “ซา แปะ ตั๋ว”
“หืมม เมื่อกี้ว่าไรนะครับ ฟังไม่ค่อยชัด”
“ดูปากนัทชานะคะ” (อาเฮียไม่ได้พูดไว้)
“ซาม แปะ ตัว” อ๋ออออ “สามแปดตัว” นั่นเอง
เชดด ในที่สุด ภาษาไทยก็มา
มาดูห้องพักกัน ให้ผ่านเลยครับ สะอาด สบาย ตกแต่งสวย เราพักที่นี่สองคืนครับ ราคาตกคืนละ 165 หยวน (ประมาณ 900 บาท) ถูกมาก
ไหนๆเราก็มาถึงแชงกรีล่าแล้ว ขอสรุปหน่อยว่า ที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง
1. Songzanlin Monastery – วัดลามะซงจ้านหลิน หรือ วัดโปตาลาน้อย*
2. Dafo Temple – วัดต้าฝอ หรือ วัดกงล้อแห่งธรรม
3. Napa Lake – ทะเลสาบนาปา
4. Pudacuo National Park – อุทยานแห่งชาติผู่ต้าซัว
5. Shika Snow Mountain – ภูเขาหิมะสือข่า
6. Tiger Leaping Gorge – โตรกเสือกระโจน รวมถึงโค้งแรกของแม่น้ำแยงซีเกียง อยู่ระหว่างทางลี่เจียงมาแชงกรีล่า (เรานั่งรถผ่านมาแล้ว)
เบอร์ 4-5-6 อยู่นอกแผนที่ออกไปอีก เราเลยไม่ได้แวะครับเพราะเวลาไม่พอจริงๆ
ถ้าอยากจัดเต็ม เก็บละแวกนี้ทั้งหมด ต้องไปเที่ยวที่ ภูเขาเหมยลี่, โค้งหัวเต่า (โค้งโอเมก้า) ไปสุดที่หย่าติง ซึ่งไกลออกไปอีก ถ้ามีโอกาสได้มาอีกครั้งหน้า ไม่พลาดแน่นอน
หลังจากเก็บของเสร็จไรเสร็จก็ออกมากินข้าวเย็น เฮียแนะนำร้านอร่อยมาร้านนึง (ชื่อร้าน ตัว ตัว) เราก็ไปจัดตามที่อาเฮียบอก
มาถึง แชงกรีล่า แล้ว ต้องอย่าพลาดเมนูเด็ด เนื้อจามรีหม้อไฟ รสชาติออกคล้ายๆเนื้อวัว แต่หนึบหนับกว่าหน่อย แปลกดีครับ
ทานคู่กับผักหรือเส้นขนมจีนได้ ส่วนที่เห็นเป็นชื้นๆสามเหลี่ยมนั้นคือ อาหารทานเล่นของที่นี่เค้าน่ะครับ รสชาติคล้ายๆกับเค้กกล้วยหอมบ้านเรา (จำชื่อของมันไม่ได้แหะ) คนจีนจากโต๊ะข้างๆแบ่งมาให้ลองทาน ขอบคุณหลายๆเด้อ เซี่ยเซี่ย!
ทานมือเย็นเสร็จ รีบเดินไปที่วัดต้าฝอก่อนแสงหมด
มาชมวัดในมุมสูงกันครับ สวยงามมาก ตั้งอยู่ใจกลางเมือง แชงกรีล่า ห้อมล้อมไปด้วยบ้านเรือนในเขตเมืองเก่า
ลืมเล่าไปนิดนึงว่า เมื่อสองสามปีก่อน เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในเมืองแชงกรีล่า หมู่บ้านทีเบตโบราณเสียหายไปหลายหลัง แต่ตอนนี้ทางการก็มีการบูรณะขึ้นมามากขึ้นแล้วครับ
บริเวณลานหน้าวัด คนออกมาทำกิจกรรมกันเต็ม
ประตูทางเข้าวัด
เดินขึ้นบันไดไปหลายขั้น แฮ่กเหมือนกัน จะบอกว่า ข้างในวัดที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ เค้าห้ามถ่ายรูปนะ
บริเวณวัดมีธงพวกนี้แขวนอยู่เต็มเลย ซึ่งธงพวกนี้เค้าเรียกว่า ธงมนต์ มี 5 สีเป็นของชาวธิเบต
สีฟ้า – ท้องฟ้า
สีขาว – เมฆ
สีเหลือง – ดิน
สีแดง – ไฟ
สีเขียว – ต้นไม้
รูปปั้นศิลาธรรมจักรและกวางหมอบ สัญลักษณ์ของการตรัสรู้และเผยแพร่พุทธศาสนา
มีความหมายว่าเป็นวงล้อแห่งธรรม เป็นธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศให้ชาวโลกได้นำไปยึดถือปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์ ที่จะขับเคลื่อนธรรมให้คงอยู่คู่กับโลก และกวางเหลียวหลังหมอบอยู่ด้านล่าง แทนความหมายแห่งความซื่อสัตย์
มาถึงวัดต้าฝอแล้ว ก็อย่าลืมไปหมุนกงล้อขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน
ความพิเศษของกงล้อที่นี่ คือ เป็นกงล้อมนตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก ต้องใข้คนหลายสิบคนช่วยกันหมุน
พอหมุนเสร็จก็ลงมาเดินเล่นตรงลานข้างล่าง เจอเด็กผู้หญิงคนท้องถิ่นกำลังวิ่งเล่นอยู่พอดี
พามาเดินเล่นเขตเมืองเก่า ร้านอาหารน่านั่งหลายร้านอยู่นะ บรรยากาศกลางคืนคือดี
หาร้านนั่งชิลกัน
ขอจบวันด้วยรอยยิ้มของเด็กหญิงแห่งแชงกรีล่านะครับ
ตอนต่อไป >> Part 3.2 – วัดซงจ้านหลินสัมผัสกลิ่นอายของธิเบต
—————-
Part 1.1 – คุนหมิงเมืองหลวงแห่งมณฑลยูนนาน
Part 1.2 – พิชิตเขาซีซาน ลอดประตูมังกร
Part 2.1 – ลี่เจียงเมืองมรดกโลก UNESCO
Part 2.2 – ภูเขาหิมะมังกรหยก & ไป่สุยเหอ ที่สุดแห่งความงามทางธรรมชาติ
Part 3.1 – แชงกรีล่า… เส้นขอบฟ้าที่จางหาย
Part 3.2 – วัดซงจ้านหลินสัมผัสกลิ่นอายของธิเบต