เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง? จุดที่เราอยู่ในสังคมแห่งการก้มหน้า
ทุกวันนี้ เวลาผมอยู่นอกบ้าน
กินข้าว ซื้อของ เดินเล่นตามห้าง
หรือแม้กระทั่งระหว่างเดินทาง
ไปทางไหนก็เจอแต่คนเล่นมือถือกัน
ทั้งเด็ก วัยรุ่น คนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ
ที่เห็นได้ชัดเจน คือ
ระหว่างรอรถไฟฟ้า/รถเมล์
หลังจากรถมาถึงที่สถานี
พอได้ขึ้นรถแล้วต่างคนต่างก็
เริ่มก้มหน้าก้มตาละเลงนิ้วมือ
ลงบนมือถือกันอย่างเมามันส์
บ้างก็เสียบหูฟัง ฟังเพลง
(โลกนี้เป็นของกรู ใครอย่ามายุ่ง)
บ้างก็ตอบ Line
(ส่งสติ๊กเกอร์มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง
เกรงใจกรูบ้าง 555)
บ้างก็อ่าน Facebook
(เลื่อนดู News Feed รูดปรึ๊ดๆ)
บ้างก็ดู Youtube นักร้องเกาหลีเต้น
(ที่เห็นส่วนใหญ่มักเป็นผู้ชาย! *o*)
ผมเป็นคนชอบสังเกตพฤติกรรม
ผู้คนบนรถไฟฟ้ามาก
ได้เห็นอะไรแปลกๆเยอะดี
ตราบใดที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
การเล่นมือถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะ
เพราะต่างคนต่างไม่รู้จักกัน
อีกทั้งยังถือเป็นการฆ่าเวลาที่ดี
และใช้เวลาให้คุ้มค่าระหว่างเดินทาง
การกดมือถือดูหนังฟังเพลงบนรถไฟฟ้า
คงเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้จริงๆ
(แต่ก็ยังดีกว่าพูดคุย ส่งเสียงดัง
รบกวนชาวบ้านล่ะนะ)
(แถม) หนุ่มสาวๆคนไหน
ที่อยากหายจากอาการโสด
ผมอยากให้นึกถึงเพลง โอม จง เงย
และจดจำเนื้อร้องเอาไว้ให้แม่นๆ
เพราะ “รักจะเกิดขึ้นมันต้องมองตา
ไม่ใช่มองจอ” นะครับท่านผู้ชมม
ประเด็นที่อยากพูดถึงในตอนนี้คือ
เรื่องนิสัยการใช้มือถือเวลาอยู่นอกบ้าน
กับเพื่อนหรือกับครอบครัว
โดยเฉพาะ ตอนไปร้านอาหาร
ที่พอถึงร้าน แต่ละคนก็
หย่อนก้นปุ๊บ และหยิบมือถือปั๊บ
ต่างคนต่างมีโลกส่วนตัว
แทนที่จะได้คุยกัน
คนที่อยากคุยก็นั่งอยู่เฉยๆคนเดียวไปสิ
อันนี้ผมว่าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ
ลองหาเรื่องมาถกกัน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
เล่าเรื่องตัวเอง นินทาชาวบ้าน
คุยเรื่องดินฟ้าอากาศ ฟุตบอล
ดารา หนัง การเมือง
(อย่างหลังคงไม่ดีมั้ง -_-“)
อะไรก็ได้
ดีกว่าเกิด Dead Air ภายในกลุ่ม
นิ่งเงียบสนิทกันหมด
สำหรับใครที่เจอกันไม่บ่อย
หรือนานๆเจอที
เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนหรือไปเที่ยว
ควรใช้เวลาตรงนั้นให้คุ้มค่าที่สุด
เพราะการได้เจอกันแบบตัวเป็นๆ
ได้เห็นหน้า จะรับรู้ถึงอารมณ์
ความรู้สึกทั้งสองฝ่ายได้มากกว่า
ดีกว่าแชทกันผ่านทางโซเชี่ยล
อย่างเดียวหลายเท่า เชื่อผมสิ
แต่ถ้าอยู่คนเดียว แล้วไม่มีงานต้องทำ
จะเล่นนานเท่าไหร่ก็ได้ ไม่มีใครว่าครับ
แต่ก็ไม่ควรอยู่กับหน้าจอ
นานจนเกินไป เพราะจะส่งผลเสีย
ต่อสายตาและสุขภาพในระยะยาว
โดยเฉพาะเด็กวัยกำลังโต
และสำหรับพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง
ให้กับลูกที่เอะอะก็โยนแท็บเล็ตให้
การขลุกอยู่กับแท็บเล็ต
เล่นแต่เกมทั้งวัน คงจะไม่ดีแน่
เพราะทำให้เด็กร่างกายอ่อนแอ
เสี่ยงต่อการเป็นโรคสมาธิสั้นและ
ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่
ลองให้เด็กๆออกไปเจอผู้คน
ได้ไปเล่นกับเพื่อนๆ
ที่สนามเด็กเล่นดูบ้างสิครับ
เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนหาไม่ได้ใน
มือถือหรือแท็บเล็ตอย่างแน่นอน
Because it’s not available
on the App Store!!
จริงอยู่ที่เทคโนโลยีนั้นมีประโยชน์
สามารถสร้างโอกาสเรียนรู้
ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
แต่ถ้าหากใช้ไม่ถูกทาง ไม่ถูกวิธี
มันก็เป็นดาบสองคม
กลับมาทิ่มแทงได้เหมือนกัน
โลกโซเชี่ยลนั้นสามารถทำให้
คนที่ไกล “อยู่ใกล้”
ขณะเดียวกัน ก็ทำให้
คนที่ใกล้ “อยู่ไกล” ได้ด้วย
ผมเชื่อว่าทุกคนคงไม่อยากเห็น
เห็นตัวเองเวลากลับมาบ้าน
แล้วไม่มีใครคุยด้วยกับเรา
ไปกินข้าวกับเพื่อน
แล้วเรานั่งแกร่วอยู่คนเดียว
ไปเที่ยวต่างจังหวัด/ต่างประเทศ
แล้วเอาแต่นั่งเล่นมือถืออยู่ที่ห้อง
ลองออกจากโลกโซเชี่ยลแล้ว
ไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริงมากขึ้น
ชีวิตเรามีอะไรให้ทำอีกมากมาย
แบ่งเวลาเสพสื่อต่างๆอย่างพอดี
แล้วชีวิตจะดี๊ดีขึ้นอีกเยอะ
“เพราะโลกมันกว้าง คนข้างๆเลยสำคัญ”
วางมือถือแล้วหันมาคุยกับคนข้างๆบ้าง
ดีกว่าไหมครับ?
Credit: Storylog