BlogsFeatured PostsTravelUSA

เยือนอาณาจักร Google ณ งาน Local Guides Summit 2016 [Part 2: พาทัวร์ Googleplex ]

เยือนอาณาจักร Google ณ งาน Local Guides Summit 2016 [Part 2: พาทัวร์ Googleplex ]

ตอนที่แล้ว >> เยือนอาณาจักร Google ณ งาน Local Guides Summit 2016 [Part 1: Welcome Party]

 

วันที่ 13 ก.ย. 2016
7 โมงเช้า ตื่นลงมาทาน Breakfast ที่ Lobby เจอเพื่อนๆ Local Guides คนอื่นๆลงมาทานกันก่อนแล้ว ก็จับกลุ่มคุยกัน กินไปคุยไป

Breakfast ที่นี่ มีอาหารให้เลือกทานเพียบเลยครับ แต่จะเน้นหนักไปทาง American มากกว่า สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้คือคุณภาพ ไข่ ไส้กรอก เบคอน มันฝรั่ง ขนมปัง ของที่นี่เค้าเกรดดีจริง





กินอิ่มแล้ว ออกมารอรถโค้ชที่หน้าโรงแรม เพื่อเดินทางไปยัง Google Mountain View Campus / Googleplex



Anton (ทีมงาน Local Guides) ตรวจเช็คความเรียบร้อย


Selfie !!!
สังเกตว่า ส่วนใหญ่คนที่มาจะไม่เขินกล้องกันเลย – โดยเฉพาะ Shirni ที่มาพร้อมกับที่คาดผมธงชาติมาเลเซีย + แว่นตาสุดแนว โดดเด่นสุดในงานละ หัวเราะ

ตอนอยู่บนรถ ถือเป็นอีกช่วงเวลานึงที่ได้ทำความรู้จักกับ Local Guides คนอื่นๆ (อย่างผมได้รู้จักกับเพื่อน Local Guides คนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในแคนาดา เป็น Engineer เหมือนกันเลยคุยกันยาวว)


รถติดพอสมควรระหว่างทางมาที่ Googleplex , Silicon Valley (สองชั่วโมงกว่าจาก SF) เนื่องจากเป็นเช้าวันธรรมดา คนขับรถออกไปทำงานกัน แต่โดยรวมก็ยังทำเวลาค่อนข้างดี ไม่เลทเท่าไร


กิจกรรมช่วงเช้าจัดที่อาคาร Google 1345


จักรยานหลากสี สัญลักษณ์ของ Google Mountain View Campus / Googleplex ให้แค่พนักงานใช้เท่านัน ไม่ให้คนทั่วไปหรือคนที่มาเที่ยวใช้ (ถ่ายรูปได้เฉยๆ)


เข้ามาข้างในกัน


หลังห้องมีโซน Charging Station สำหรับคนที่มือถือแบตอ่อน ใกล้ตาย มาชุบชีวิตได้ตรงนี้


มาถึงก็เข้าไปจับจองที่นั่งกันเลย พักเบรคเล็กๆให้กินขนม ดื่มกาแฟ กันก่อน




อย่างที่เล่าไปเมื่อวานที่มีกล้องโพลารอยด์ประจำอยู่แต่ละโต๊ะ พอทุกคนถ่ายภาพตัวเองเสร็จ จะได้รูปโปรไฟล์ออกมา  ก็เอาไปแปะไว้ตามตำแหน่งประเทศบนแผนที่โลกแบบนี้ครับ จัดว่าเป็นไอเดียเก๋กู๊ดเลยทีเดียวเชียว (ใครประเทศเล็กต้องหาพื้นที่ว่างเอง อิอิ)


Local Guides ประเทศจากแถบอาเซียน มากันเกือบครบครับ ไทย กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ถัดขึ้นไปเป็น ไต้หวัน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ส่วนทางซ้ายคือตัวแทนจากอินเดียและศรีลังกา




สามผู้กล้าแห่งอาเซียน (ที่ติดธงชาติมา) เสียดายผืนเล็กไปนิด ><

ขอเล่าประวัตินิด คนกลาง ชื่อ Chamnan ทำงานด้านการศึกษา อยู่ในแวดวงไอทีกัมพูชามานาน ส่วนคนขวาชื่อ Shirni เป็นคนเชื่อสายมาเลย์ แต่ทำงานที่สิงคโปร์ เลยไปมาๆระหว่างสองประเทศนี้ งานอดิเรกชอบทำอาหารและแต่งหน้าข้าวกล่องเบนโตะเป็นรูปต่างๆ ไอเดียดีมากๆเลย http://www.wasabisays.com/ แปะลิงค์ไว้เผื่อใครสนใจอยากไปดู ทั้งสองคนอัธยาศัยดี คุยเก่งมากๆ




Juliana จาก Hong Kong ทำตัวต่อ Lego เป็นรูป Google Maps เป็นของที่ระลึกให้ทีมงาน ช่างครีเอทมาก


ถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอ ก็กลับเข้าประจำที่ เข้าสู่กิจกรรมจริงๆแล้ว ผมเลือกที่นั่งแถวหน้าๆเลย เพื่อเก็บข้อมูล & รูปภาพให้ได้เยอะๆ


เริ่มจาก Keynote จาก Jen Fitzpatrick: VP Google Maps หัวเรือใหญ่ของ Google Maps

ประวัติคร่าวๆ เธอเป็นวิศวกรหญิงคนแรกๆอยู่ในยุค Google เริ่มก่อตั้งเลยทีเดียวครับ ด้วยความตั้งใจที่จะนำโลกออนไลน์และโลกแห่งความจริงมาบรรจบกัน ทำให้เกิด Product ที่ออกมาแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการผู้คน ทั้ง Google Maps และ Local Guides

I’m passionate about bringing the real world and the online world closer together.

รายละเอียดเรื่องที่เธอบรรยายในบทความนี้ครับ

http://www.businessinsider.com/google-maps-local-guides-2016-9

ถ้าไม่อยากอ่าน ก็เข้าไปดูวีดีโอในลิงค์นี้ได้ (เพื่อนคนกรีซบันทึกเอาไว้)




Keynote ต่อมา เป็นของ Rebecca Moore : Head of Google Earth ในหัวข้อ Google Maps for Social Good

เธอเล่าถึงบทบาทของ Google Earth ในการแก้ไขปัญหาสังคมด้าน Ecosystem ช่วยเหลือเรื่องสิ่งแวดล้อม

ครั้งหนึ่ง เคยมีหัวหน้าชนเผ่า Surui ใจกลางป่าอเมซอน (ที่ไม่เคยติดต่อกับโลกภายนอกมาก่อนนับตั้งแต่ปี 1969) วันนึงเขาใช้ Google Earth สำรวจเห็นการบุกรุกพื้นที่เพื่อตัดไม้ทำลายป่า เขาเดินทางมายังสำนักงานใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ บอกให้ทั่วโลกได้รับรู้

เธอสอนให้เขาเรียนรู้จัดเก็บข้อมูลต่างๆบนแผนที่ ช่วยฟื้นฟูพื้นที่อยู่อาศัย + อนุรักษ์วัฒนธรรมของชนเผ่า ท้ายที่สุด ก็สามารถลดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ไปได้ นอกจากนี้ Google Earth ยังเป็นเครื่องมือสำคัญ สำหรับการเฝ้าระวังโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคมาลาเรีย / การตกปลาในมหาสมุทร / ตรวจสอบควบคุมปริมาณสารพิษในอากาศ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อนว่าเทคโนโลยีจะสามารถทำได้ขนาดนี้


Street View: Past Present and Future โดย Daniel Filip

Session นี้ Daniel เล่าถึงประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยี Street View ที่ช่วยเปิดประสบการณ์เดินทางให้เราเห็นภาพเส้นทางและสถานที่ที่เราไป กล้อง Street View 360 องศา ที่ไม่ได้มีติดกับรถยนต์อย่างเดียว แต่ยังติดที่เรือ รถไฟ จักรยานและใต้น้ำอีกด้วย !!! รวมถึงแผนในอนาคตที่จะทำให้หลายประเทศเข้าถึง Street View ได้มากยิ่งขึ้น


คั่นรายการด้วยช่วงพูดคุย-ถามตอบกับทีมงาน Understanding user-generated contents on Google Maps



Luis, Local Guides จาก Dominican Republic คือหนึ่งในตัวอย่างที่สร้างสรรค์ของใช้ Google Maps เพื่อช่วยเหลือคนพิการหรือผู้บกพร่องทางร่ายกาย โดยให้ข้อมูลสถานที่ว่าที่ไหนมีสามารถให้รถวีลแชร์เข้าไปได้บ้าง (Wheelchair Accessible) นับถือใจของเค้าเลยครับ หัวเราะ



ลงชื่อแบ่งกลุ่มไปทำกิจกรรม Workshop ช่วงบ่าย


ทุกเช้าเราชาร์จ !!!


จบกิจกรรมแล้ว เราก็ถ่ายรูปปปป ตามธรรมเนียม


Local Guides in 360 degree โดย Joe Sterne ต้องเอียงคอดูกันเลย

 

พักเที่ยง เราออกเดินไปยังโรงอาหาร (Canteen) ของชาว Googler ระหว่างทางเราจะพบกับรูปปั้น Android ยักษ์ยืนเท่ให้เก็บภาพกัน

ตรงนี้เป็นจุดนึงที่คนชอบมาถ่ายรูป ถ้าได้มาเยือน Googleplex แห่งนี้





ไม่แปลกใจว่าทำไมที่นี่ถึงใช้จักรยานกัน เพราะแต่ละตึกอยู่ห่างกันมาก เดินไปไม่ไหว ข้อดีอีกอย่างของมันคือ สามารถขี่ไปจอดที่หน้าตึกได้เลย


พามาดู Googleplex โดยภาพรวม ในรูปคือตัวอาคารหลักของ Google Mountain View Campus แต่จริงๆแล้วพื้นที่โดยรอบ กว้างกว่านี้อีกเยอะเลยครับ



ถึงละครับ โรงอาหารที่ใหญ่ที่สุดของ Google Mountain View Campus


เป็นแขกพิเศษมากันเกือบ 100 คนก็นั่งกันด้านนอกไปนะ


ระหว่างรอต่อแถวไปตักอาหาร เจอสาวๆเอเชีย – Ayaka (Local Guides จาก Tokyo, Japan), Shirni (Local Guides จาก KL, Malaysia), Aradhana (เจ้าหน้าที่ Google จาก India) และ Bella (เจ้าหน้าที่ Google จากIndonesia) ที่จัดการเรื่องกระเป๋าให้


อาหารกลางวันที่นี่ All-You-Can-Eat ตักได้ไม่อั้น ทั้งอาหารฝรั่ง อาหารเอเชีย (ไม่เห็นอาหารไทยนะครับ เห็นแค่อินเดีย) โดยเมนูก็จะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน
เหตุผลที่มีอาหารให้กินฟรี เพราะที่นี่เรื่องกินถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขามากๆ ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยเรื่องค่าใช้จ่าย เอาเวลาคิดว่าจะกินอะไรดี ไปคิดอะไรที่เจ๋งกว่านั้นแทน (เชื่อว่าหลายๆคนถ้าได้เข้าไปทำงาน น้ำหนักขึ้นอย่างแน่นอน อิอิ)


เนื่องจากเวลาจำกัดสุดๆ เลยไม่ได้ไปถ่ายไลน์อาหารข้างในมาให้ดู ถ้าใครที่ได้เข้าไป เห็นแล้วต้องร้องว้าวกันทุกคน เพราะมันเยอะมากจริงๆ



กินอิ่มก็ออกเดินทางต่อ ผ่านรูปปั้นโครงกระดูก T-Rex ที่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่


ออกจากอาคารหลัก ก็ไปสำรวจที่อื่นต่อ

เส้นทางเดินจากโรงอาหาร Googleplex ด้านล่าง ตามเส้นสีแดงไปยัง 2 จุดสำคัญของทัวร์ นั่นคือ Google Visitor Center และ Google Merchandise Store เพื่อไปซื้อของที่ระลึก


ต้องบอกก่อนว่า Local Guides ที่ไปร่วมงานด้วยกัน เวลาอยู่ที่ Google แล้วจะตื่นเต้นกันทุกคน (ผมด้วยคนนึงล่ะ แหะๆ) เจออะไรถ่ายได้ ก็ถ่ายหมดครับ ป้าย Google แบบนี้ (ที่มีอยู่เกือบทุกตึก) ก็เอา หัวเราะ


เดินเพลินๆมาเรื่อยๆเห็นรถ Street View จอดเด่นอยู่ข้างทาง แสดงว่าเรามาถึง Google Visitor Center แล้วครับ
หลักการทำงานของเจ้ารถนี้ คือ เค้าจะขับไปตามเส้นทางแล้วบันทึกภาพ 360 องศามาต่อกัน


ขึ้นชื่อว่า Google Visitor Center ไม่ใช่ว่านักท่องเที่ยว/คนภายนอก จะเดินดุ่มๆเข้ามาได้เลย ต้องมีเจ้าหน้าที่ Google พาเข้าไป (ถ้ารู้จักคนไทยที่ทำงานอยู่ที่นั่นก็ให้เค้าพาเข้าได้)


Google Visitor Center ถ้าให้เปรียบเทียบ คงเปรียบได้กับพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ของ Google เลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่อัดแน่นไปด้วย สารพัดของแปลก ไอเทมหายาก ที่เกี่ยวกับ Google (เว่อร์ปายย)


Post-It เครื่องมือสำคัญในการระดมสมอง ประลองไอเดีย ใครจะไปคิดว่า แผ่น Post-It เพียงไม่กี่แผ่น ก็สามารถเป็นบ่อเกิดความคิดสร้างสรรค์ทั้งหลายทั้งปวงได้


หลายคนคงสงสัยว่า หนุ่มตี๋ชาวจีนคนนี้คือใคร แล้วมีความสำคัญอย่างไรกับ Google (เจ้าหน้าที่ Google ที่พาเดินถามผมว่า ยูรู้จักไหม ว่าคนนี้เป็นใคร ผมส่ายหน้า แล้วเค้าก็ยิ้มๆ)

หลังจากไปสืบค้นข้อมูล หนุ่มคนนี้ชื่อว่า Chade-Meng Tan หรือเรียกสั้นๆว่า ท่านเหมง อดีต Software Engineer รุ่นแรกๆที่เข้ามาทำงานที่ Google เขาเป็นที่รู้จักในการต้อนรับบุคคลสำคัญที่มาเยี่ยมชมสำนักงาน Google แห่งนี้ เช่น Jimmy Carter, Al Gore และคนอื่นๆอีกมากมาย จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็เก็บสะสมภาพถ่ายของใครก็ตามที่มาเยี่ยมชม Google Campus จนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อมา Meng จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการต้อนรับแขกที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้


Explore Your World (Powered by Google Earth) เหมือนเราเข้าไปนั่งในยานอวกาศ สำรวจเส้นทางโดยใช้ Google Earth เดินทางไปทุกที่ที่อยากไป บังคับโดยใช้แป้นควบคุม มองผ่านจอ 180 องศา แทนที่จะใช้คอมพิวเตอร์ธรรมดา ให้ได้เต็มอิ่มกับวิวตรงนั้นจริงๆ


อีกหนึ่งไอเทมลับที่ไปเจอ คือ Nap Pod ตั้งชื่อเองว่า เก้าอี้งีบหลับ
มีงานวิจัยว่า งีบหลับเป็นระยะเวลาสั้นๆด้วยท่านอนแบบนี้ ทำให้ Productivity ในการทำงานสูงขึ้น ไม่รู้จริงป่าวนะ แต่เขาวิจัยมาแล้ว น่าจะจริง
ไปสืบหาราคามา พบว่า ราคาตัวละกว่า $12,000+ หรือกว่า 4 แสนบาท !!!! น่าจะเป็นการลงทุนกับการนอนที่แพงมากที่สุดในโลกแล้วมั้งครับ


ด้วยความตั้งใจของ Sergey Brin และ Larry Page สองผู้ก่อตั้งที่ส่งเสริมให้พนักงานมีสุขภาพดี และ มีความสุข เลยมีการจัดคอร์สนั่งสมาธิ และบริการนวดให้โดยเฉพาะ เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและความเครียดระหว่างการทำงาน


วัฒนธรรมของ Google ถูกสร้างขึ้นจาก “พนักงาน” เพื่อ “พนักงาน” ด้วยกัน มีการสร้าง Email Group ขึ้นมา จัดกลุ่มงานอดิเรกหรือสิ่งที่ชอบตามความสนใจ ใครชอบทำกิจกรรมอะไร สามารถนัดกันออกไปทำกิจกรรมได้ ตัวอย่างเช่น คนที่ชอบเล่นกีฬาทางหิมะ ก็จะเรียกกลุ่มตัวเองว่า Snowglers, คนที่ชอบเลี้ยงหมา ก็จะเรียกกลุ่มตัวเองว่า Dooglers, คนที่ชอบเล่นหรืออยากฝึกฝน Aerial Silks ก็จะเรียกกลุ่มตัวเองว่า Silks หรือแม้กระทั่ง Gayglers สำหรับคนกลุ่ม LGBT เรียกได้ว่าที่นี่เปิดกว้างมากๆความหลากหลายทางเชื่อชาติและวัฒนธรรม


Onsite at Google จัดให้มีบริการต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงาน เช่น บริการตัดผม จัดดอกไม้ ส่งไปรษณีย์ ล้างรถ ซ่อมจักรยาน ห้องสมุดเคลื่อนที่ หรือแม้กระทั่งการให้เช่ารถ Bat Mobile จำลอง หรือ การจัดหาไม้คทาที่ติดเพชรจริงๆ สำหรับเอาไปแสดงในงานวันเกิดลูกๆ เค้าก็ทำให้ !! ที่นี่เค้าจะมีทีมจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะ ให้พนักงานประหยัดเวลาชีวิต + ลดความเครียดลงได้


Google Corkboard Server Rack 1999 เซิฟเวอร์รุ่นแรกๆ ที่ Sergey Brin และ Larry Page ทำขึ้นมาสมัยยังทำงานอยู่ในโรงรถ ตอนนั้นยังไม่มีเงินทุนสนับสนุนมากนัก เลยทำแบบประหยัดที่สุดไว้ก่อน ด้านในประกอบด้วย ฮาร์ดไดรว์ 22 GB ทั้งหมด 8 ลูก บวกกับคอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง โดยใช้แผ่นไม้คอร์กเป็นฉนวนกันความร้อน แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความล้ำสมัยของ Google อย่างแท้จริง


ใกล้ๆกับ Google Visitor Center คือที่ตั้งของ Google Merchandise Store ร้านขายของที่ระลึก มีทุกอย่างที่เกี่ยวกับ Google (ที่นี่จะมีเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องเขียน เป็นหลักครับ อุปกรณ์ไอที ต้องสั่งทาง Online อย่างเดียว)









ของที่ซื้อมาแจกคนที่เข้าร่วมงาน Local Guides Meet-up ในเมืองไทย


ข้างนอกร้านขายของ มีลานรูปปั้น Dessert Sculpture ให้ถ่ายรูปกันอีก



ช่วงบ่ายกลับมาที่เดิมที่มาเมื่อเช้า มีกิจกรรมแบ่งกลุ่มเข้า Workshop ตามห้องต่างๆ


ด้านในสำนักงาน (จริงๆเค้าห้ามถ่ายภาพนะครับ ต้องขออนุญาตก่อน)







พี่คนนี้คล้าย Mark Zuckerberg ม๊ากก

เกือบ 5 โมง ถึงเวลากิจกรรมช่วงเย็น ทานอาหารร่วมกันตรงสวนด้านนอกอาคาร พร้อมกับ Networking ไปด้วย



เครื่องดื่ม ไม่อั้น เติมได้ตลอด






อีกจุดนึงสำหรับคนชอบศิลปะ มีปูนปลาสเตอร์รูปแอนดรอยด์ให้แต่ละคนได้แต่งแต้มลงสี ได้สวมวิญญาณแวนโก๊ะแล้ว



แอนดรอยด์ของผมเองครับ ได้แรงบันดาลใจจาก Iron Man เลยตั้งชื่อว่า Iron Droid


อีกฟากนึงของสวนมี Janga ให้เล่น ยิ่งต่อสูงขึ้นเท่าไร ยิ่งหวาดเสียวขึ้นเท่านั้น


กลุ่ม ASEAN กำลังนั่งถกปัญหาระดับชาติ เค้าล้อเล่น



เป็นอีกช่วงที่ Local Guides ได้มีกิจกรรมและภาพความทรงจำร่วมกัน

เบื้องหลังการถ่ายทำ



ริมสุดของสวนมีร้าน Cup Cake มาให้ลองชิมกัน อร่อยใช้ได้เลยนะครับ


รูปหมู่ Local Guides Attendees ก่อนกลับ เท่ากับว่าภารกิจที่ Google Mountain View Campus ก็เป็นอันเสร็จสิ้น



รูปช่วงหลังๆถ่ายโดย Local Guide จากอิตาลี ชื่อ Gianluca เป็นช่างภาพด้วย ถ่ายสวยมากครับ


1 ทุ่มครึ่ง รวมพล รอขึ้นรถกลับไปยัง SF ระหว่างทางก็ได้รู้จัก Local Guide เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ชื่อ Jean (ชอน) เป็นคน Belgium ผมสีเงิน ผ้าพันคอสีแดง เจ้าของเอเจนซี่ช่างภาพ คุยกันหลายเรื่องมากๆทั้ง เรื่องงาน เรื่องไปเที่ยว เรื่องฟุตบอล ไปเรื่อยจนถึงเรื่องชีวิตคู่ ครอบครัว ? ได้แนวคิดดีๆหลายอย่างเลยครับจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ครั้งนี้

นอกเรื่องนิดนึง ด้วยความที่ผมชอบฟุตบอลมาก พอพูดชื่อนักฟุตบอลสัญชาติเบลเยี่ยมไปสองสามคน เช่น อาซาร์ โลกากู กูร์กตัวส์ ฯลฯ เขารู้สึกแปลกใจมาก ไม่คิดว่าจะมีคนรู้จัก (บอกเค้าว่า ช่วงหลังๆ นักบอลเบลเยี่ยม ดังมากในประเทศไอ คนดูบอลรู้จักทุกคน)

อันนี้คหสต ยิ่งถ้าเรารู้จักประเทศเค้ามากเท่าไร เราก็จะยิ่งดูน่าสนใจมากเท่านั้น แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยๆอย่างนักฟุตบอลบ้านเค้า แต่ก็ทำให้เค้ารู้สึกดีกับเรามากๆและจำเราได้… และนี่คือสิ่งนึงที่ผมได้เรียนรู้จากการได้มีโอกาส Network กับคนหลายๆคนครับ




กลับถึงที่พัก ตอนแรกกะจะไปเดินเล่นรอบๆสักหน่อย แต่จังหวะนั้นเหนื่อยมากครับ เลยขอลาก่อยยย

ถ้าใครไปเที่ยว แนะนำให้เดินเลียบชายฝั่ง วิวสวยตลอดทาง บรรยากาศดีสุดๆ นี่พูดเลย

———–
เยือนอาณาจักร Google ณ งาน Local Guides Summit 2016

Comments

comments

Share

Panupong Yokyongsakul

The Tourist Diary เกิดขึ้นจากความรักและความหลงใหลในเสน่ห์ของการเดินทาง-ท่องเที่ยวของผมและครอบครัว โดยมีจุดประสงค์เพื่อการบอกเล่าและแบ่งปันข้อมูล ประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยว ผ่านตัวอักษรและภาพถ่าย ในมุมมอง ความรู้สึก จากสายตาและหัวใจ ของนักเดินทางธรรมดาๆคนหนึ่ง ให้แก่เพื่อนเดินทางที่มีความต้องการในการเติมเต็มความฝันของชีวิตด้วยการท่องโลกใบนี้